จากประโยคที่ว่า “อยู่ใกล้กันเหมือนห่างกัน” นั้นสามารถนำมาอธิบายกับสังคมในปัจจุบันนี้ได้อย่างง่ายดาย

ตอนนี้เหล่าชาวหมีอาจจะมีหลายๆคนที่พอจะเดาออก และก็มีอีกหลายๆคนที่ยังเดาไม่ออก งั้นเราไปดูกันเลยว่า

จากประโยคข้างต้นนั้น หมายถึงอะไร….

 

 

ในที่นี้หมายถึงในเรื่องความสัมพันธ์ของมนุษย์ และเทคโนโลยี

 

ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันคนเรามักจะอยู่รวมตัวกันเป็นกลุ่ม ทำอะไรด้วยกันก็เป็นกลุ่ม จนทำให้มีความสัมพันธ์ที่แนบแน่น

และยากต่อการทำลายความสัมพันธ์อันดีงามได้ เพราะต่างคนต่างพูดคุยกันโดยการเผชิญหน้ากัน เมื่อเรามองเห็นหน้ากันและกัน

ก็จะทำให้เราสามารถรับรู้อารมณ์  ความรู้สึกนึกคิด ของอีกคนคนนึงได้อย่างดี ว่าคนคนนั้นเค้ารู้สึกอะไร และคิดอะไรอยู่

 

และเมื่อยามต้องไกลห่างกัน จากกันไปเพียงชั่วระยะหนึ่ง หรือจากกันไปตลอดกาลนั้น ความรู้สึก ความสัมพันธ์ดีๆเหล่านั้น

ก็จะกลายเป็นเรื่องราวความทรงจำ และ ภาพที่น่าจดจำไปตลอดกาล เมื่อเวลาที่คิดถึงเมื่อไหร่ ต่อให้ต้องเจอความห่างไกลแค่ไหน

ภาพความทรงจำเหล่านั้นก็จะเป็นเครื่องที่คอยเตือนใจเราและทำให้เรามีความสุขตลอดเวลา

 

และเมื่อเวลาที่เกิดเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจหรือทุกข์ใจก็จะมีคนรอบข้างคอยให้ความช่วยเหลือ ให้ความเอาใจใส่ดูแล

ช่วยคิดแก้ไขปัญหา และคอยให้คำปลอบใจและความอบอุ่นอยู่ตลอดเวลา

 

 

แต่ในมุมกลับกันของในยุคปัจจุบันนี้ คนเราอยู่รวมตัวด้วยกันก็จริง แต่ความสัมพันธ์ที่มีต่อกันนั้นกลับถดถอยลงไปเรื่อยๆ

เพราะต่างคนต่างให้ความสำคัญกับสิ่งๆหนึ่งมากเป็นพิเศษนั้นก็คือ “เทคโนโลยี” เทคโนโลยีสิ่งแรกที่เป็นเครื่องพิสูนจ์ได้ง่าย

เลยนั้นก็คือพวก Smartphone … คงปฎิเสธกันไม่ได้เลยว่า ณ ปัจจุบันนี้ เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับชีวิตคนอย่างมาก

 

ทำให้คนตื่นเต้นและสนุกสนานไปกับมัน โดยที่หละทิ้งโลกแห่งความเป็นจริงที่ดีที่สุดลงไป ดังตัวอย่างเช่น

คนเราสมัยนี้ไม่ว่าจะทำอะไรก็มักจะติดเล่นเทคโนโลยีตลอดเวลา โดยที่ไม่เคยสนใจคนรอบข้างเลยว่า

เค้ากำลังทำอะไรอยู่ เรากำลังเดินผ่านคนที่เรารู้จักรึป่าว คนตรงนั้นเค้าต้องการความช่วยเหลือจากเรารึป่าว

เป็นต้น

 

 

แต่สิ่งเหล่านั้นที่เกิดขึ้นยังไม่รุนแรงเท่ากับการที่เรานั่งอยู่ใกล้คนที่เรารัก ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ พี่น้อง แฟน หรือแม้กระทั้งเพื่อน

และเมื่อต่างคนต่างนั่งอยู่ข้างกัน ที่เดียวกัน และเวลาเดียวกัน แต่ไม่เคยหันมาคุยกันแบบตาสบตา แต่คุยกันโดยผ่านเทคโนโลยี

ที่มีเพียงแค่ข้อความเป็นตัวสือความหมาย แค่เพียงข้อความที่อยู่บนโลกเทคโนโลยีนั้น สามารถสื่อความหมายและความรู้สึก

ที่แท้จริงได้จริงหรือ???? สามารถทำให้คนในครอบครัว แฟน หรือ เพื่อนที่รัก มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันได้จริงหรือ???

 

 

และเมื่อที่ต้องอยู่ไกลห่างกัน จากกันชั่วระยะหนึ่งหรือจากกันไปตลอดกาล ทำให้เราสามารถเก็บความทรงจำดีๆต่อกัน

ได้เป็นความรู้สึกที่แท้จริงได้จริงหรือ????

 

 

และเมื่อเวลาที่เรามีปัญหาทุกข์ใจ ไม่มีใครคอยมาสนใจและเข้าใจว่าตอนนี้เรากำลังเป็นอะไร รู้สึกยังไง และต้องการอะไร

โปรดจงอย่าโทษคนรอบข้างที่อยู่ข้างคุณ เพราะ ในเมื่อคุณเองไม่เคยมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีให้กับคนที่อยู่รอบข้างใกล้ชิดคุณเลย

เค้าเหล่านั้นก็คงไม่สามารถที่จะซึมซับความรู้สึกนึกคิดที่แท้จริงของคุณได้ และเมื่อเวลาที่คุณเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา คุณก็มัก

ที่จะเลือกเทคโนโลยีเข้ามาช่วยคุณแก้ปัญหาก่อนอันดับแรก และเมื่อคุณไม่มีใครแล้วคุณถึงต้องมาหาความอบอุ่นจากโลก

แห่งความจริง

 

 

สรุป

  • คุณเลือกได้ว่าคุณอยากจะเป็นแบบไหน เพราะทุกอย่างอยู่ที่การกระทำของตัวคุณเอง
  • เทคโนโลยีเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าหากใช้มันมากเกินไป มันก็มักจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดี
  • อย่าให้เพื่อนที่แท้จริงของคุณคือเพื่อนที่อยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมเล็กๆของคุณ เพราะเพื่อนคนนั้นของคุณไม่มีตัวตนจริง
  • จงอย่าทำให้คนที่คุณรักรู้สึกเหมือนโดดเดี่ยวและไกลห่างเมื่อเวลาที่นั้งอยู่ข้างๆกัน
  • จงให้ความสัมพันธ์กับตัวตนที่แท้จริงของแต่ละคนโดยการพูดคุยและทำกิจกรรมร่วมกัน ดีกว่าผ่านสื่อเทคโนโลยีที่ไม่สามารถแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมาได้
  • จงอย่าลืมว่าความสัมพันธ์ของมนุษย์ด้วยกันเองเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ควรจะพัฒนาต่อไปเรื่อยๆโดยที่ไม่มีวันหยุด

 

 

ทุกวันนี้เหล่าชาวหมีให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีมากเกินไปกันรึป่าวจ๊ะ ถ้าใช่แล้ว อย่าลืมหันกลับไปมองคนรอบข้าง

และให้ความสำคัญกับเค้าเหล่านั้นเหมือนให้กับเทคโนโลยีกันนะจ๊ะ

 

 

ขอฝากประโยคทิ้งท้ายอีกซักนิด

 

“ความห่างไกลไม่เคยทำให้คนเรากลัวถึงความไกลห่างกัน เพราะอย่างน้อยเรายังมีช่องทางการสือสารที่ไปถึงกัน

แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือ คนที่เคยผูกพันธ์ชิดใกล้และอยู่ใกล้กันมาตลอดนั้น กลับทำตัวห่างเหินและห่างไกลออกไป ”

 

picture credit : http://ndatacloud.com/

 

Comments

comments