Agentic AI คือปัญญาประดิษฐ์ที่มีความสามารถในการตัดสินใจและดำเนินการโดยอัตโนมัติโดยมีเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งสามารถทำหน้าที่เป็นตัวแทน (agent) ของมนุษย์ในการแก้ปัญหา ซ่อมแซมงาน หรือดำเนินการต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องได้รับคำสั่งทีละขั้นตอนตลอดเวลา ตัวอย่างเช่น AI ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูล วางแผน และดำเนินการได้ด้วยตัวเองอย่างต่อเนื่อง


ประโยชน์ของ Agentic AI

  1. การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
    • ช่วยดำเนินการที่ซับซ้อนหรือซ้ำซ้อนโดยอัตโนมัติ เช่น การจัดการสินค้าคงคลังหรือวางแผนการผลิต
  2. การลดต้นทุน
    • ลดความจำเป็นในการใช้แรงงานคนในงานที่ต้องการการวิเคราะห์ข้อมูลหรืองานประจำวัน
  3. การช่วยตัดสินใจ
    • AI สามารถใช้ข้อมูลเชิงลึก (insight) ในการช่วยผู้จัดการหรือเจ้าหน้าที่ตัดสินใจ
  4. การปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า
    • ตัวอย่างเช่น Chatbots ที่สามารถให้บริการลูกค้าแบบเรียลไทม์และมีความแม่นยำมากขึ้น

ตัวอย่างการใช้งานในหมวดหมู่ต่างๆ

  1. ธุรกิจและการบริหาร
    • เว็บไซต์/แพลตฟอร์ม:
      • Salesforce Einstein AI สำหรับการขายและการตลาด
      • Clara Labs ช่วยจัดการการประชุมและตารางงาน
    • การประยุกต์ใช้:
      • AI สำหรับการติดตามยอดขายอัตโนมัติ
      • การจัดการพนักงานโดยใช้ AI ที่ประมวลผลความสามารถและผลการทำงาน
  2. การศึกษา
    • เว็บไซต์/แพลตฟอร์ม:
      • Coursera หรือ Khan Academy ใช้ AI สำหรับแนะนำบทเรียนที่เหมาะสมกับผู้เรียน
    • การประยุกต์ใช้:
      • AI ที่ช่วยตรวจการบ้านหรือบทความโดยอัตโนมัติ
      • ระบบแนะนำหลักสูตรตามความสนใจส่วนบุคคล
  3. การดูแลสุขภาพ
    • เว็บไซต์/แพลตฟอร์ม:
      • Babylon Health ให้คำปรึกษาทางการแพทย์เบื้องต้นด้วย AI
      • PathAI ใช้ AI วิเคราะห์ภาพทางการแพทย์
    • การประยุกต์ใช้:
      • AI ช่วยคัดกรองผู้ป่วยที่ต้องการการดูแลเร่งด่วน
      • ระบบเตือนความจำเรื่องการทานยา
  4. การเงินและการลงทุน
    • เว็บไซต์/แพลตฟอร์ม:
      • Wealthfront หรือ Betterment สำหรับการบริหารพอร์ตการลงทุน
      • Kabbage ช่วยประเมินความเสี่ยงสำหรับการให้สินเชื่อ
    • การประยุกต์ใช้:
      • Chatbots ที่ตอบคำถามลูกค้าเรื่องการลงทุน
      • ระบบคาดการณ์ความเสี่ยงการลงทุนโดยอัตโนมัติ
  5. การค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซ
    • เว็บไซต์/แพลตฟอร์ม:
      • Shopify ใช้ AI เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์
      • Dynamic Yield ช่วยสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบเฉพาะบุคคล
    • การประยุกต์ใช้:
      • ระบบแนะนำสินค้าจากประวัติการซื้อ
      • การจัดการคลังสินค้าแบบเรียลไทม์

ขั้นตอนเริ่มต้นในการใช้งาน ออกแบบ หรือเรียนรู้ Agentic AI

  1. ศึกษาแนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับ AI
    • เรียนรู้ว่า AI ทำงานอย่างไรในระดับพื้นฐาน เช่น Machine Learning, Deep Learning
    • คอร์สแนะนำ:
      • “AI for Everyone” บน Coursera โดย Andrew Ng
      • “Introduction to Machine Learning” บน Kaggle
  2. เลือกเครื่องมือและแพลตฟอร์ม
    • แพลตฟอร์มเช่น:
      • OpenAI API: สำหรับการสร้างตัวแทนที่ตอบคำถามหรือดำเนินการอัตโนมัติ
      • Google AI: สำหรับการประมวลผลข้อมูลเชิงลึก
      • Microsoft Azure AI: สำหรับการสร้างและปรับใช้โมเดล AI
  3. สร้างโครงงานทดลอง
    • เริ่มจากโครงการขนาดเล็ก เช่น การสร้าง Chatbot ที่มีเป้าหมายชัดเจน
    • ใช้เครื่องมืออย่าง:
      • Dialogflow: สำหรับการสร้าง Chatbots
      • Rasa: สำหรับการสร้างโซลูชัน AI ในองค์กร
  4. พัฒนาทักษะการออกแบบ
    • เข้าใจความต้องการของผู้ใช้และกำหนดปัญหาให้ชัดเจน
    • ใช้เครื่องมืออย่าง Figma หรือ Draw.io เพื่อวางแผนการทำงานของ AI agent
  5. ทดลองและวิเคราะห์ผลลัพธ์
    • ใช้ข้อมูลการทดสอบ (test data) เพื่อประเมินประสิทธิภาพ
    • ปรับปรุงโมเดลตามผลการวิเคราะห์
  6. ติดตามแนวโน้มเทคโนโลยี
    • อ่านบทความจากเว็บไซต์เช่น Towards Data Science, Analytics Vidhya
    • เข้าร่วมชุมชนออนไลน์ เช่น Kaggle, Reddit (r/MachineLearning)

ตัวอย่างไอเดียเพิ่มเติมสำหรับการประยุกต์ใช้:

  • เกษตรกรรม: ใช้ AI วางแผนการเพาะปลูกและตรวจจับโรคในพืช
  • ความบันเทิง: AI แนะนำหนัง เพลง หรือเกมที่เหมาะกับผู้ใช้งาน
  • การท่องเที่ยว: AI ช่วยวางแผนการเดินทางและแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว

Agentic AI สามารถเป็นตัวช่วยสำคัญในทุกอุตสาหกรรม ทั้งนี้การเริ่มต้นอาจต้องอาศัยเวลาในการเรียนรู้และความเข้าใจที่ชัดเจนในเทคโนโลยีพื้นฐานและเป้าหมายที่ต้องการ