ชีวิตของคนเรานั้นบอกได้เลยว่ามันไม่ได้ราบรื่นเสมอไป การสูญเสียคนที่เรารักและคนในครอบครัวเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการจากไปอย่างถาวรเนื่องจากความตาย หรือการจากกันเพียงชั่วคราวเพราะปัญหาความขัดแย้งในครอบครัว สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบอย่างมากต่อสภาพจิตใจของเรา

บางคนอาจเผชิญกับความรู้สึกเจ็บปวดรุนแรงหลังจากการสูญเสียผู้ที่รักและคนในครอบครัว ความเศร้าโศก ความรู้สึกหดหู่ซึมเศร้า ความรู้สึกว้าเหว่และหมดหวังทั้งหมดนี้เป็นอาการที่พบได้ทั่วไป มันคือปฏิกิริยาตามธรรมชาติของร่างกายเมื่อต้องเผชิญกับเหตุการณ์ร้ายแรงในชีวิต อย่างไรก็ตาม ถ้าปล่อยให้อารมณ์เหล่านี้ดำรงอยู่นานเกินไป มันอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าเรื้อรังได้

ในทางกลับกัน บางคนอาจรู้สึกโกรธและมีความคิดในเชิงลบ ความคิดแย่ๆออกมา พวกเขาอาจรู้สึกโกรธแค้นต่อคนที่ทิ้งไป หรือแม้แต่โกรธตัวเองที่ไม่สามารถทำอะไรเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น ความรู้สึกผิดนี้อาจนำไปสู่การตำหนิตัวเองและรู้สึกไร้ค่า พวกเขาอาจรู้สึกว่าถูกทอดทิ้งและไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกของพวกเขา คนเหล่านี้มักจะปิดกั้นตัวเองจากสังคมเพราะความกลัวที่จะถูกเจ็บปวดอีกครั้ง

นอกจากนี้ ยังมีคนบางกลุ่มที่พยายามหลีกเลี่ยงหรือปฏิเสธความจริงที่ว่าคนรักหรือคนในครอบครัวของพวกเขาได้จากไปแล้ว หรือตายไปแล้ว บางครั้ง หรือ บางคน อาจแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เพิกเฉยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หรือแสดงพฤติกรรมแปลกๆ ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่เจ็บปวด การปฏิเสธความจริงเช่นนี้เป็นกลไกปกป้องทางจิตใจที่จะช่วยให้เราสามารถอยู่รอดพ้นจากเหตุการณ์ร้ายแรงได้ แต่ถ้ายังคงยึดติดกับกลไกนี้ต่อไปเรื่อยๆ ก็จะกลายเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิตตามปกติของเรา

ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบใด แบบไหนก็ตาม ความรู้สึกเจ็บปวดจากการสูญเสียคนรักและคนในครอบครัวนั้นเป็นสิ่งที่เรานั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะความผูกพันและรักระหว่างคนนั้นเป็นสิ่งสำคัญและมีค่ามากมายสำหรับการใช้ชีวิตอยู่ของเรา ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่ควรปล่อยให้อารมณ์เศร้าเจ็บปวดนี้ครอบงำใจของพวกเราจนเกินไป เพราะมันอาจทำให้เราหลงทาง สูญเสียความหวัง และสร้างปัญหาต่างๆ ในชีวิตตามมา

การเยียวยาจิตใจนั้นต้องอาศัยเวลา แต่เราสามารถเร่งกระบวนการนี้ได้โดยการปรับเปลี่ยนมุมมองและท่าทีของเราเอง ขั้นแรกสุด เราต้องยอมรับกับความจริงที่เกิดขึ้น แม้ว่ามันจะเจ็บปวดเพียงใด เพราะการปฏิเสธไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา เมื่อเราเผชิญหน้ากับความจริงได้แล้ว ก็จะเห็นว่ามันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด

จากนั้น ให้พยายามมองในแง่บวกมากขึ้น เราอาจสูญเสียคนรักไปแล้ว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าความทรงจำและสิ่งดีๆ ที่พวกเขามอบให้ได้จากไปด้วย เราควรดำรงรักษาความทรงจำที่ดีงามเหล่านั้นไว้ ซึ่งจะช่วยให้เราผ่านพ้นความเศร้าโศกได้ไวขึ้น

นอกจากนี้ ให้หันมาใส่ใจและรักตนเองมากขึ้น เราอาจใช้เวลาดูแลตัวเองด้วยการทำสิ่งที่เรารัก เช่นออกกำลังกาย เล่นกีฬา ฟังเพลง อ่านหนังสือ หรือท่องเที่ยว เป็นต้น อารมณ์ดีๆ ที่ได้รับจากกิจกรรมเหล่านี้จะช่วยลดความเครียดและทำให้เรามีกำลังใจที่จะเผชิญกับความสูญเสียได้ดีขึ้น

แน่นอนว่า สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการมีกำลังใจ เรามั่นใจว่าคนรักและคนในครอบครัวของเราคงไม่ต้องการเห็นเราทุกข์ทรมานจากการจากพวกเขาไป ปล่อยวางสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว และมองโลกในแง่ดีให้มากขึ้น เพื่อเตรียมรับกับสิ่งใหม่ๆ ที่กำลังจะเข้ามาในชีวิต

นอกจากนี้ อย่าลืมให้ครอบครัวและเพื่อนฝูงเข้ามามีส่วนร่วม การแบ่งปันความรู้สึกและปรึกษาหารือกับคนใกล้ชิดนั้นจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดและทำให้เรารู้สึกมีที่ยืนในสังคมมากขึ้น พวกเขาอาจให้มุมมอง เสนอคำปรึกษา หรือเป็นแรงสนับสนุนจากที่เราต้องการได้

สุดท้าย อาจเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป แผลในใจของเราจะค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ ความเจ็บปวดจะค่อยๆ จางหายไป ทำให้เราสามารถมองย้อนกลับไปแล้วรู้สึกขอบคุณสำหรับช่วงเวลาแห่งความทรงจำอันมีค่าที่เคยมีไว้ร่วมกัน

Comments

comments