จะเดินไปทางไหน ที่ไหน เมื่อไหร่ และเวลาใดก็ตาม
สิ่งรอบๆตัวที่เรามักจะเห็นตลอดระยะเส้นทางนั่นก็คือ
“สังคมของคนก้มหน้าที่เอาแต่เล่นมือถือกัน”
ทั้งๆที่นั่งอยู่ด้วยกัน ตัวแถบจะชิดกันแต่ทำไมกัน
ถึงไม่มองหน้ากัน สบตากัน หรือแม้กระทั้งพูดคุยกันเลย
ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวของเรา ณ ตอนนี้กลับกลายเป็น
พูดคุยกันผ่านตัวอักษร ส่งอารมณ์ผ่านกันทางสติกเกอร์
เพื่อบ่งบอกว่าตอนนี้ฉันรู้สึกยังไง
แต่ทำไมกัน เราถึงไม่แสดงความรู้สึกเหล่านั้นผ่านการ
มองหน้ากัน สบตากัน พูดคุยกันและแสดงอารมณ์
อย่างที่ควรจะให้มันเป็น
เทคโนโลยีนั้นเกิดมาเพื่อทำให้เราเกิดความสะดวกสบาย
แต่คนเรานั้นกลับนำเทคโนโลยีมาใช้ในทางที่ผิด
เช่น
นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในชีวิตประจำวันที่มากจนเกินไป
จนทำให้มนุษยสัมพันธ์กับคนรอบข้างน้อยลง
จนทำให้เกิดการทะเลาะกัน และเลิกลากัน
หรือแม้กระทั้งนำมาใช้หลอกลวงกัน ในรูปแบบต่างๆนานา
จนทำให้เกิดความเข้าใจผิดและเสียหาย
ซึ่งคนเรานั้นก็มักจะยอมตกเป็นทาสของเทคโนโลยีเหล่านั้น
ให้สิ่งเหล่านั้นมันกลืนกินสิ่งดีงานในชีวิตของตัวเองออกไป
ภาพลักษณ์ของสังคมในวันนี้ เหมือนต่างคนต่างอยู่
โดยที่วันๆเอาแต่อยู่กับอุปกรณ์สี่เหลื่ยมของตัวเอง
โดยที่ไม่สนใจคนรอบข้างเลยว่า เค้ารู้สึกอย่างไร
ต้องการความช่วยเหลือมั้ย หรือพวกเค้าเหล่าทำอะไรกันอยู่
สังคมของคนก้มหน้านั้น มักเป็นสังคมของคนที่เพ้อเจ้ออยู่แต่เพียงคนเดียว
มักจะชอบเพ้อถึงสิ่งต่างๆนานา ลงใน social media และมักจะชอบให้
คนเข้ามา กด like ให้กับข้อความที่ตัวเอง post ลงไปใน facebook
และเมื่อเวลาที่ไปทำกิจกรรมอะไร ไม่ว่าจะเป็นดูหนัง ฟังเพลง
กินข้าว ออกกำลังกาย ก็มักจะไปคนเดียวพร้อมกับอุปกรณ์สี่เหลี่ยมคู่ใจ
ทุกวันนี้เราอยากจะมีสังคมที่เป็นแบบนี้กันจริงๆหรอ?
หมีน้อยช่างฝันเชื่อว่า เหล่าชาวหมีอีกมากมายที่ยังคง
ฝันถึงสัมคมเดิมให้มันกลับมาไวไว
เป็นสังคมที่มองหน้าพูดคุยกัน สบตากัน แสดงอารมณ์
ความรู้สึกที่แท้จริงให้เห็นว่าตอนนี้เราคิดอะไรอยู่
สามารถบ่งบอกความรู้สึกนั้นผ่านกันทางสายตาได้
โดยไม่ต้องพูดก็เข้าใจกันได้
เป็นสังคมที่แคร์กัน สนใจกัน และให้ความสำคัญซึ่งกันและกัน
แค่เพียงเท่านี้ สังคมเราก็จะมีแต่ความสุขกายสุขใจด้วยกันตลอดไป
หมีน้อยช่างฝันหวังว่าเพื่อนๆทุกคนจะแบ่งแยกแยะเวลาให้ถูกกันนะจ๊ะ
ว่าเวลาไหนควรใช้เทคโนโลยีและเวลาไหนควรใช้เวลาอยู่กับคนสำคัญของคุณ
Credit ภาพประกอบ : www.google.com และ website อื่นๆ