กราบสวัสดีเหล่าชาวแก๊งค์ฮะ เรื่องพี่หมีหนีไปเมกายังไม่ได้เริ่มเขียนเลย ><” แฮะๆๆ แต่เอาของที่พี่หมีชอปที่โน่นมาโชว์ก่อนดีกว่าฮะ รองเท้าวิ่งโดยปกติจะมีระยะทำการประมาณ 600 – 800 กิโลเมตร ซึ่งถ้าใครๆ จำได้รองเท้าวิ่งคู่เก่าของพี่หมี คือ Mizuno Wave 17 -http://www.bearontop.com/review-mizuno-wave-17 ที่พี่หมีขัดมาเมื่อปี 2014 ณ ตอนนี้พี่หมีใช้มันได้ถึงระยะกรุงเทพ-เชียงใหม่แล้ว พี่หมีเลยต้องมองหารองเท้าคู่ใหม่ ซึ่งไม่ต้องคิดไรมากฮะ ดันเผือกไปเจอ Nike Free RN Flyknit ตัวใหม่ แถมที่สำคัญ สีที่เจอดันไม่เข้าไทย และ แถบๆ เอเชีย ไม่ต้องคิดไรเลยฮะกดสิครับ เรามาดูรูปร่างหน้าตามันกัน
สีนี้เรียกว่า Oreo นั่นเองฮะ จังหวะที่พี่หมีเจอที่เมกา ไม่ต้องสืบฮะ ไซส์ 9 เนี่ยเรียกได้ว่าเหลือคู่ท้ายเลย 555 กดไม่คิดสิฮะ…. สำหรับคู่นี้ Free RN Flyknit มีการเปลี่ยนแปลงคือ… เมื่อก่อน Nike จะมี Free 3.0 (4mm) / 4.0 (6mm) / 5.0 (8mm) นั่นเองครับ ซึ่งแต่ละค่ามันคือความหนาของพื้นรองเท้านั่นเอง…ซึ่งรุ่นใหม่นี้ nike รวมเป็นค่าเดียวคือ พื้นหนาที่ 8 mm ครับ
จุดเด่นของรุ่นนี้คือเป็นรองเท้าขี้งอนครับ หน้าค่อนข้างเชิด ความกระชับมีสูงครับ ตัวFlyknit นี่ทำให้กระชับเข้ารูปสำหรับการใส่แรกๆ พี่หมีรู้สึกคับนิดหน่อย แต่ใส่ตรงไซสืนะครับ สำหรับรุ่นนี้ เพราะพี่หมีลอง 9 กับ 9.5 ความกระชับเท่ากันต่างกันแค่ความยาวฮะ
การใส่วิ่งเนื่องจากเป็นรองเท้าที่หน้าค่อนข้างเชิด ทำให้พี่หมีต้องปรับตัวพอสมควรครับ เพราะมันทำให้น้ำหนักลงไปที่ด้านหน้าทำให้กล้ามเนื้อน่อง และ ข้อเท้ารับแรงกระแทกพอสมควร ทำให้เกิดอาการล้าได้ครับ การใส่วิ่งในระยะสั้นพี่หมีว่าทำได้ดีครับ สปิ้นยาวๆ ใน
ระยะไม่เกิน 5 กม. แต่ถ้าจะวิ่งระยะมินิมาราธอน อาจต้องมีการเปลี่ยนแปลงสปีดครับ ส่วนไกลกว่านั้นพี่หมียังไม่ได้ลองฮะ…แต่พี่หมีลง Half Marathon งาน A Day Human Run 2016 ไว้ฮะ ซึ่งไม่ต้องห่วงครับ คู่นี่จะได้ไปเฉิดฉายแน่นอนครับ
มาถึงเรื่องพื้นเนื่องจากเป็นพื้นลายใหม่ของทาง Nike Free สำหรับการลง ความยืดหยุ่นมีสูง ทำให้เวลาเจอพื้นที่ไม่เรียบอาจส่งผลต่อการคอนโทรลตัว และ ข้อเท้าครับ ยิ่งสปีดที่เร็วยิ่งทำให้มันรู้สึกไม่มั่นคงในการวิ่งเท่าที่ควรในส่วนตัวของพี่หมีนะฮะ แต่ไม่ใช่ไม่ดีนะครับ มัน
ทำให้เราฝึกการทรงตัวฮะ ขณะเดียวกันทำให้กล้ามเนื้อในส่วนอื่นของขาได้มีการพัฒนานั่นเองครับ สำหรับการใส่ 2-3 ครั้งแรกในการวิ่งพี่หมีมองว่ามันค่อนข้างบีบหน้าเท้าเนื่องจากเท้าพี่หมีออกกว้างนิดๆๆ เลยรู้สึกอึดอัดแต่พอใส่ไปหลายครั้งเข้ารู้สึกรองเท้าเริ่มปรับตัวเข้ากับเท้าของพี่หมีมากขึ้น ในขณะที่เท้า และ กล้ามเนื้อขาของพี่หมีก็เริ่มปรับตัวให้เข้ากับรองเท้าครับ
ในวันที่อากาศร้อน สปีดประมาณนี้พี่หมีถือว่าโอเคครับ Pace 5.22 ที่อุณหภูมิ feel like 40+ -..- พี่หมีที่ถือว่าเป็นพวกขี้ร้อนสุดๆ สปีดแปรผันตามอากาศครับ ถ้าอากาศดีๆเย็นๆ พี่หมีสามารถเพิ่ม Pace ไปที่ 4 ได้สบายๆ ยาวๆ เลยครับ
สรุปสำหรับ Nike Free RN Flyknit ตัวนี้สิ่งที่พี่หมีชอบคือ เทคโนโลยี Flyknit ที่ทำให้รู้สึกกระชับ สวมใส่สบาย เบา แม้ตัวรองเท้าจะเปียกเหงื่อก็ไม่ได้รู้สึกแฉะอะไรมากมายครับ
สิ่งที่พี่หมีเรียกว่าไม่ชิน น่าจะเป็นเทคโนโลยี Free นี่แหละฮะ มันทำให้พี่หมีต้องปรับท่าทางการวิ่งใหม่ เนื่องจากมันเป็นพื้นที่มีความยีดหยุ่นสูงมากนั่นเองฮะ แต่ก็ตามคำที่คนกีฬาชอบ
พูดกันครับ No Pain No Gain ซึ่งเพื่อนพี่หมีก็ใส่ Nike Free ตัวเก่ามันก็บอกครับว่า ตอนแรกที่ใส่ต้องปรับตัวเหมือนกันแต่หลังๆ มันกลับชอบครับ ส่วนพี่หมีถือว่าเป็น Newbie กับรองเท้าแนว mininal แบบนี้ แอบหลงใหลเล็กๆ เหมือนกันครับ เพราะมันรู้สึกแตกต่างครัช