DCA ย่อมาจาก Dollar-Cost Averaging เป็นกลยุทธ์การลงทุนที่เน้นการทยอยลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ด้วยจำนวนเงินเท่าๆ กัน ในสินทรัพย์ เช่น หุ้น กองทุน ฯลฯ โดยไม่สนใจราคาหรือสภาพตลาด

ข้อดี-ข้อเสีย ของการ DCA

ข้อดี

  • ช่วยสร้างวินัยในการออมเงินและการลงทุน
  • ช่วยลดความเสี่ยงจากการจับจังหวะการลงทุนที่ไม่ถูกจังหวะ
  • โอกาสได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากเงิน
  • เหมาะกับนักลงทุนมือใหม่หรือผู้ที่ต้องการออมเงินให้ได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากเงิน แต่ว่ายังขาดความชำนาญในการจับจังหวะลงทุน

ข้อเสีย

  • ได้ผลตอบแทนน้อยกว่าการลงทุนแบบ Lump-sum หากตลาดเป็นขาขึ้น
  • ใช้เวลานานกว่าที่จะได้ผลตอบแทนที่ชัดเจน

มีวิธีการอื่นนอกจาก DCA ไหม

นอกจาก DCA แล้ว ยังมีวิธีการลงทุนอื่นๆ เช่น

  • Lump-sum คือการลงทุนด้วยจำนวนเงินก้อนเดียวในครั้งเดียว
  • Value investing คือการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีมูลค่าต่ำกว่าราคาตลาด
  • Growth investing คือการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง

DCA เหมาะสมกับใคร?

DCA เหมาะสมกับนักลงทุนทุกประเภท ยกเว้นนักลงทุนที่

  • มีเป้าหมายการลงทุนระยะสั้น
  • มีวินัยในการออมเงินและการลงทุนต่ำ
  • มีเวลาและความรู้ในการจับจังหวะการลงทุน

DCA ไม่เหมาะสมกับใคร?

DCA ไม่เหมาะสมกับนักลงทุนที่

  • มีเป้าหมายการลงทุนระยะสั้น
  • มีวินัยในการออมเงินและการลงทุนต่ำ
  • มีเวลาและความรู้ในการจับจังหวะการลงทุน

เริ่มต้นลงทุนแบบ DCA ในหุ้น กองทุน เริ่มได้อย่างไร

การเริ่มต้นลงทุนแบบ DCA ในหุ้นหรือกองทุนสามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้

  1. ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสินทรัพย์ที่ต้องการลงทุน เช่น หุ้นหรือกองทุน
  2. เลือกโบรกเกอร์หรือบริษัทจัดการกองทุนที่เชื่อถือได้
  3. ตั้งเป้าหมายการลงทุนและกำหนดจำนวนเงินที่ต้องการลงทุนในแต่ละเดือน
  4. กำหนดวันและเวลาที่จะลงทุน
  5. ดำเนินการลงทุนตามแผนที่ตั้งไว้

ตัวอย่างการลงทุนแบบ DCA แบบที่ 1

สมมติว่าต้องการลงทุนในกองทุนรวม SET50 เริ่มต้นด้วยเงิน 2,000 บาทต่อเดือน โดยเริ่มลงทุนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ผลตอบแทนของกองทุนรวม SET50 ในแต่ละเดือนมีดังนี้

เดือนราคาหน่วยลงทุนหน่วยที่ได้
มกราคม10.45191.45
กุมภาพันธ์10.42191.24
มีนาคม10.39190.93
เมษายน10.36190.62

หลังจากลงทุนเป็นเวลา 1 ปี ผลตอบแทนที่ได้คือ 10.64% โดยเฉลี่ยต้นทุนอยู่ที่ 10.42 บาทต่อหน่วย

หรืออีกตัวอย่างหนึ่งครับ

ตัวอย่างการลงทุนแบบ DCA แบบที่ 2

สมมติว่าลงทุนแบบ DCA ในหุ้น SET50 เดือนละ 2,000 บาท เป็นเวลา 10 ปี โดยราคาหุ้น SET50 เริ่มต้นที่ 100 บาท และเฉลี่ยขึ้นลง 10% ต่อปี ผลตอบแทนของการลงทุนจะเป็นอย่างไร

จากการคำนวณพบว่า ผลตอบแทนของการลงทุนแบบ DCA จะอยู่ที่ 283,600 บาท สูงกว่าการลงทุนแบบ Lump-sum (ลงทุนก้อนเดียว) 100,000 บาท เนื่องจาก DCA ช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนที่ไม่ถูกจังหวะ

สรุป

DCA หรือ Dollar-Cost Averaging เป็นกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสำหรับนักลงทุนทุกประเภท เพราะเป็นวิธีการที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการจับจังหวะการลงทุนที่ไม่ถูกจังหวะ และช่วยให้ได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากเงิน หากต้องการเริ่มต้นลงทุนแบบ DCA ก็สามารถศึกษาข้อมูลและปฏิบัติตามคำแนะนำข้างต้นได้

Comments

comments