ปัจจุบันนี้ ทุกองค์กรต่างมีวัฒนธรรงองค์กรเป็นของตนเอง แต่ละที่ก็จะมีวัฒนธรรมขององค์กรที่แตกต่างกันไป
ขึ้นอยู่กับว่าผู้นำขององค์กรนั้นๆ ต้องการให้วัฒนธรรมองค์กรไปในแนวไหนและทิศทางใด
ทุกวันนี้พวกเราทุกคนคงจะปฎิเสธไม่ได้ว่า วัฒนธรรมองค์กรถือเป็นปัจจัยอย่างหนึ่งที่มีอิธพลอย่างมากต่อ
การทำงานของพนักงานในออฟฟิต เพราะถ้าพวกเราไม่สามารถเข้าได้กับวัฒนธรรมองค์กรที่เราอยู่แล้ว
ชีวิตในการทำงานของพวกเราก็อาจจะทำให้ไม่มีความสุข และมีความเบื่อหน่ายกับการทำงาน ณ ที่แห่งนั้น
การที่เราจะรู้ตัวเองได้ว่า เราเหมาะสมกับองค์กรนั้นรึป่าว ทำได้ไม่ยากเลย สิ่งแรกที่ควรจะทำก็คือ
ปล่อยวางวัฒธรรมองค์กรเก่าๆจากที่ท่านเคยอยู่มาและเปิดใจยอมรับกับวัฒนธรรมองค์กรใหม่ๆ
อย่างที่กล่าวไว้ในตอนต้น ไม่มีที่ไหนที่จะเหมือนกัน 100 เปอเซ็นต์ เพราะฉะนั้นเราไม่ควรที่จะยึดติด
กับสิ่งเดิมๆ เพราะถ้าเรายึดติดกับสิ่งเดิมๆแล้ว แล้วเราจะเลือกออกมาจากสิ่งเดิมๆเพื่อออกมาหาที่ใหม่ๆกันทำไม
สิ่งที่ควรทำต่อมาคือ สังเกตุจากคนหมู่มากว่าพวกเค้าทำกิจกรรมอะไรกันบ้าง ชีวิตการเป็นอยู่ในการทำงานของพวกเค้าเป็นอย่างไร
เช่น ถ้าบริษัทที่เราอยู่เคร่งต่อเรื่องเวลาการเข้างาน การตรอกบัตรตรงเวลาทุกครั้งก็ถือเป็นวัฒนธรรมองค์กรอย่างหนึ่ง โดยที่อีกบริษัทหนึ่ง
วัฒนธรรมองค์กรต่อการเข้างานอาจจะยืดหยุ่นกันได้ โดยไม่ยึดการตรอกบัตรเข้างานตรงตามเวลา
หลังจากที่เราสังเกตุพฤติกรรมและเก็บข้อมูลมากเพียงพอแล้ว เราก็ควรที่จะเอาข้อมูลเหล่านั้นที่เรารับรู้มา มาทำการวิเคาระห์แต่ละเรื่องว่า
เรื่องไหนที่เราไม่ชอบและเรื่องไหนที่เราชอบ
ในกรณีที่เราไม่ชอบในเรื่องใดเรื่องหนึ่งในองค์กรนี้ สิ่งที่เราจะสามารถทำได้ก็มีอยู่ 2 วิธีที่ช่วยแก้ไขคือ
1. ปรับตัวเองให้เข้ากับวัฒนธรรมขององค์กรเพื่อให้เหมือนกับคนอื่นๆ และทำให้ชีวิตมีความสุข สนุกไปกับมัน หรือ
2. ถ้าคิดว่าตัวเองไม่สามารถปรับตัวได้หรือรับไม่ได้กับวัฒนธรรมขององค์กรแบบนี้ ก็ควรที่จะลาออกและย้ายออกไป
เหล่าชาวหมี อาจจะมีคำถามว่า วัฒนธรรมองค์กรสำคัญมากขนาดนั้นเลยเรอะ ทำไมหมีน้อยช่างฝัน ถึงเอามาเป็นประเด็นในการเล่าเรื่องนี้
คำตอบคือ ช๊ายยยยยคะ วัฒนธรรมองค์กรเป็นสิ่งที่สำคัญมากในแต่ละบริษัท ถ้าแต่ละบริษัทสามารถทำวัฒนธรรมองค์กรของตัวเอง
ให้แข็งแกร่งได้แล้วและเป็นที่ยอมรับของพนักงานหมู่มากแล้ว การเติบโตของบริษัทก็จะเจริญก้าวหน้าตามกาลเวลา
เพราะว่าทุกคนทำเพื่อกันและกัน ไม่มีใครที่ทำเพื่อตนเองเพียงคนเดียว ตรงกับประโยคที่ว่า “มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมกันต้าน” ว่าไหมคะ?
ในอีกด้านหนึ่งถ้าบริษัทไหนที่มีวัฒนธรรมองค์กรที่อ่อนและออกแนวกึ่งบังคับให้พนักงานปฏิบัติตาม จนทำให้พนักงานรู้สึกไม่มี
ความสุขในการต้องทำสิ่งเหล่านั้น ผลลัพธ์ที่บริษัทนั้นจะได้มาคือ พนักงานจะอยู่แบบตัวใครตัวมัน ไม่มีความรักในตัวบริษัท
และเมื่อบริษัทมีปัญหา พนักงานเหล่านั้นก็จะพากันหนีไป ไม่มีใครที่จะมาคอยช่วยขับเคลื่อนให้บริษัทนั้นสามารถดำเนินงานต่อได้
เช่น พนังงานในหลายๆโรงงานมักจะมีแบบฟอร์มชุดพนักงานที่เหมือนกันๆ เวลาที่ใครเห็นก็จะสามารถรู้ได้ว่า พนักงานเหล่านั้นทำงานที่ไหน
โดยหารู้ไม่ว่า วัฒนธรรมองค์กรในเรื่องเครื่่องแต่งกายแบบนี้ ทำให้พนักงานหลายๆคน ต้องฝืนทนใส่ตามอย่างไม่มีความเต็มใจ
ข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้
- ก่อนที่เราจะตัดสินใจทำงานที่ใด เราควรที่ดูวัฒนธรรมองค์กรนั้นๆก่อน เพื่อที่จะได้รู้ว่า บริษัทนั้นเหมาะสมกับลักษณะนิสัยของเราหรือไม่ เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตในการทำงานได้อย่างมีความสุข และไม่เป็นทุกข์เวลาไปทำงานและร่วมกิจกรรมกับคนในบริษัท
- พนักงานทุกคนล้วนต่างมีความสำคัญในการขับเคลื่อนบริษัทให้เจริญก้าวหน้า เพราะ พนักงานเปรียบเสมือนฟันเฟือง บริษัทเปรียบเสมือนเครื่องจักร ถ้าในเครื่องจักรขาดฟันเฟืองไปตัวใดตัวหนึ่ง เครื่องจักรก็จะไม่สามารถทำงานได้ผลสุดท้ายเครื่องจักรก็จะต้องหยุดการทำงาน ก็เหมือนกับที่บริษัทไม่สามารถเจริญก้าวหน้าไปต่อได้
- ถ้าชีวิตเรามีความสุขในการทำงาน เมื่อถึงวันอาทิตย์เราจะมีความรู้สึกว่าพรุ่งนี้วันจันทร์แล้วอยากไปทำงานและอยากเจอเพื่อนๆจังเลย
- ควรเปิดใจยอมรับสิ่งใหม่ๆที่เข้ามาในชีวิต เพราะแต่ละที่ก็มีบทเรียนที่สอนเราแตกต่างกันออกไป
Picture Ref : http://research-methodology.net/